วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555


(คาถาพระอินทร์)


สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ

คาถาความจำดีงานดี
"อุอากะสะ อากะสะอุ กะสะอุอา สะอุอากะ"
 


รวมคาถาช่วยเรียนเก่ง 

คาถารวมจิต
ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) 
อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง
ให้ทิ้งคำภาวนาอย่างอื่นเสียให้หมด กำหนดลมหายใจเข้าออก ว่าคาถานี้ตามสบายๆ กำลังของสมาธิจะรวมตัวได้รวดเร็ว 

พระคาถาไหว้ครูอาจารย์ เพื่อส่งเสริมการเรียน
ยันหา ธัมมัง วิชาเนยยะ สัมมาสัมพุทธะเทสิยัง สักกัจจัง ตัง นมัสเสยยัง อัคคิหุตตังวะ พราหมโณติฯ

คาถาพระอินทร์
ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านได้มาจากพระอินทร์ เมื่อตอนเข้าญาณสมาธิสมัยเรียนเปรียญธรรม 
สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพพจักขุง วิโสทายิ
(ท่อง 7 จบ) อีกอย่างคือเวลาอยู่ในห้องสอบ ให้ลองทำดูก่อน ว่าทำได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็ให้คว่ำกระดาษข้อสอบลง แล้วนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระอินทร์ ท่องนโม 3 จบ แล้วท่อง "สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ" 3 ครั้ง แล้วหงายกระดาษขึ้นมาดูข้อสอบว่าทำได้หมดไหม ถ้าไม่หมด คว่ำกระดาษไปใหม่ นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระอินทร์ ท่องนโม 3 จบ แล้วท่อง "สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ" อีก 7 จบ แล้วหงายกระดาษขึ้นมา คราวนี้ไม่ต้องดูแล้ว ให้ตอบตามความรู้สึก ผลก็เป็นไปตามนั้น 

คาถาเรียนดีมีความจำเลิศ
สักโก โอสะถัง พุทธโกสาจะ ธัมมัง ลังกายัง
สีหะกะฬะภาสา พะหูลาภา พะหูปัญญา
พะหูสิงเห ปะสิทธิเมฯ

พระคาถาทำให้ปัญญาว่องไว
ปัญญาจิตตัง สิเนหัง พันธัง สะวาหุมฯ ( ๓ จบ )



คาถาเสกหมากกินมีปัญญา
โอม เตระอุตตะมัง วะลังวะระ
มาหาปัญโญ สะวาโหมฯ

คาถาปัญญาดี
สุ จิ ปุ ลิ (หัวใจนักปราชญ์)
โอมปุปุ ทะลุปัญญา ปัญญาปุปุฯ
ปุปุ ทะลุปัญญา พุทธชักมา พาคิดได้
อัธยังยะ สว่างวะดังดวงแก้ว
โอม ปุปุ ทะลุปัญญาพุทธโลกานุกัมปกาติ

พระคาถาบริกรรมก่อนเข้าห้องสอบ สมองใส
โอม ปุ ปะ ทะ ลุ ทัน ตา
ปัญญาโมกขัง อะระหัง บังเกิดฯ

คาถาพระสุนทรีวาณี (คาถาเรียกความจำ)
มุนินทะ วะทะนัมโพชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปีณะยะตังมะนังฯ
นาง ฟ้า คือพระไตรปิฎก อันเกิดจากดอกอุบล คือพระโอฏฐ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งพำนักของสรรพสัตว์ทั้ง หลาย ขอจงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่มปรีดาปราโมทย์ รู้แจ่มแจ้งแทงตลอดจำได้ซึ่งพรไตรปิฏกทั้งโลกิยะและโลกุตระ หรือเรื่องราวทางโลก-ทางธรรม ให้ทวนกลับมาในห้วงสัญญา ด้วยเทอญฯ

พระคาถาอิติปิโสรัตนมาลา บทที่ 11
สัญจะยังปาระมิงสัมมา สังขารานังขะยังกัต๎วา
สัญจิต๎วาสุขะมัตตะโน สันตะคามิงนะมามิหัง
สำหรับเสกข้าวกิน ปัญญาดียิ่ง 

หัวใจมุตโต (ปัญญาแตกฉาน)
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์ฝ่ายกัมมฐาน 
มุตโต มุตตัง อะระหังพุทโธ
สะหัสสะเนตโต เทวินโท
ทิพพะจักขุงวิโสธายิ

----------------------------------------------------------------------------------------------

สุ จิ ปุ ลิ (หัวใจนักปราชญ์)

สุ - สุตะ = ฟัง
จิ - จินตะ = คิด
ปุ - ปุจฉา = ถาม
ลิ – ลิขิต = จด

------------------------------------------------------------------------------------------------

อิทธิบาท 4


คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน

ฉันทะ คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ

วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง

จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่ 



คาถาทำให้ความจำดี
(หลวงตาสะอาด แห่งวัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ )





"นะทะลุ โมทะลาย พุทกำจัด ธากำจาย ยะซึมซาบ ทุกขุมขน

ข้าพเจ้าจะปลุกมนต์ก็ลุกขึ้นมาได้

ข้าพเจ้าจะปลุกใจ ใจก็เบิกบาน เหมือนดอกไม้เมื่อใกล้จะบานแย้ม

ขอให้จิตของข้าพเจ้าแจ่มแจ้ง เหมือนพระจันทร์เมื่อวันเพ็ญ

จะเล่งแลระลึกเลื้อ ขอให้จิตของข้าพเจ้า ปุลุเหมือนรังผึ้งรวง

ขออย่าให้เหงาง่วงฉงน คิดต้นให้เป็นต้น คิดปลายให้เป็นปลาย

เดชะครูบรรธิยาย ประสิทธิให้แก่ข้าพเจ้า สิทธิครูสวาห



ตัวคาถาหรือตัวอ้อนะครับ
อ้อจำ
“โอม สะ กุ โส วะ หัง อะ นุ พัน ติด โต
โอม ยอด อ้อ อ้อ พระ อะ ระ หัน ตา
มา วิ วั๊ก วิ หว่อน
ขอ ให่ ใจ ผู่ ข่า
ตาม ธรรม วิหัง โอม สะ โหม ติด”
อ้อป่อง
“โอม ตุ๊ ปุ๊ สะ ลุ ปัญญา
กัสสะ ลูปา เอหิ สะโหมติด
โอมจิตติ มหาจิตติ โอมจิตตัง มหาจิตตัง
พันธะนัง เอหิ สะโหม ติด”

"นะทะลุ โมทะลาย พุทกำจัด ธากำจาย ยะซึมซาบ ทุกขุมขน ข้าพเจ้าจะปลุกมนต์ก็ลุกขึ้นมาได้ ข้าพเจ้าจะปลุกใจ ใจก็เบิกบาน เหมือนดอกไม้เมื่อใกล้จะบานแย้ม ขอให้จิตของข้าพเจ้าแจ่มแจ้ง เหมือนพระจันทร์เมื่อวันเพ็ญ จะเล่งแลระลึกเลื้อ ขอให้จิตของข้าพเจ้า ปุลุเหมือนรังผึ้งรวง ขออย่าให้เหงาง่วงฉงน คิดต้นให้เป็นต้น คิดปลายให้เป็นปลาย เดชะครูบรรธิยาย ประสิทธิให้แก่ข้าพเจ้า สิทธิครูสวาหะ"

(บทนี้เป็นบทที่เก่ามาก สมัยก่อนจะสวดให้ฟังครั้งเดียว ถ้าจำไม่ได้ก็จะไม่สวดซ้ำให้ฟังอีก)
บทนี้เป็นบทที่หลวงตาสะอาด แห่งวัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ ได้มอบให้คุณแม่ของเพื่อนอาร์ตค่ะ บังเอิญว่าคุณแม่เพื่อนท่านจดมาให้อาร์ตจำไว้ใช้เวลาอ่านหนังสือค่ะ ตามจริงแล้วบทสวดนี้จะต้องพูด "กู" แต่อาร์ตเห็นว่ากลัวจะพูดไม่ค่อยเพราะ ก็เลยเปลี่ยนเป็น ข้าพเจ้าแทน แล้วแต่จะสวดนะคะ


สหัสสเนตโต เทวินโต ทิพพจักขุง วิโสทายิ

(คาถาบทนี้เหมาะสำหรับเด็กนักเรียน บอกว่าเวลาก่อนที่จะดูหนังสือ ให้ไหว้พระ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ นึกถึงบิดามารดา ความดีของท่าน นึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วนึกถึงพระอินทร์เจ้าของคาถา แล้วว่าสัก 1 จบ แล้วก็ดูหนังสือ เมื่อจะเลิกจากอ่านหนังสือก็ว่าสักอีก 1 จบ วันแรก ๆ ก็อาจจะจำไม่ได้ แต่วันต่อไปก็อาจจะคล่องตัวขึ้นมาเอง)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น